จากการตื่นตัวจากการสอบ BMAT ครั้งที่ผ่านมาเมื่อเดือน November 2017 ทำให้นักเรียนหลายๆคนทึ่งไปกับข้อสอบมหาโหดที่ส่งตรงมาจากต่างประเทศเพื่อทำการทดสอบและคัดกรองผู้ที่จะสามารถศึกษาในคณะแพทย์ศาสตร์ในปีการศึกษา 2561 ที่กำลังจะถึงนี้
ซึ่ง Englican ขอนำเสนอถึงข้อสอบนี้ว่า คืออะไรและสามารถใช้คะแนนนี้ไปใช้อะไรได้บ้าง …
BMAT หรือ Biomedical Aptitude Test หรือ การสอบวัดความสามารถทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ถ้าในไทยเราอาจจะคุ้นกับการสอบ กสพท. หรือการสอบรับตรงของคณะแพทย์ศาสตร์และทันตแพทย์ศาสตร์ แต่ BMAT นั้น คณะแพทย์ศาสตร์ในบางมหาวิทยาลัยเริ่มที่จะรับนักเรียนโดยใช้คะแนน BMAT ยื่นแล้ว ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักเรียนที่ในหลักสูตรอินเตอร์ผู้ที่อยากจะเป็นหมอมีโอกาสได้ศึกษามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เด็กที่เรียนหลักสูตรไทยก็สามารถสอบได้ ซึ่งเด็กที่เรียนภาคไทยยังสามารถสอบ กสพท. (การสอบตรงของคณะแพทย์ศาสตร์ของเด็กหลักสูตรไทย) ซึ่งเด็กอินเตอร์นั้นไม่สามารถสอบ กสพท. ได้ ดังนั้นการ ถือเป็นข้อดีและข้อเสียของสำหรับการสอบ BMAT ของเด็กอินเตอร์ไปในตัว
ในข้อสอบ BMAT ประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน
BMAT Section I : Aptitude and Skills = Generic skills in problem solving, understanding argument, and data analysis and inference
BMAT Section II : Scientific Knowledge and Applications = The ability to apply scientific knowledge typically covered in school Science and Mathematics
BMAT Section III : Writing Task = The ability to select, develop and organise ideas, and to communicate them in writing, concisely and effectively
จาก 3 ส่วนนี้ ในส่วนที่เด็กอินเตอร์จะสามารถทำได้ดีกว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ จะเป็น section 1 และ section 3 แต่ในส่วน section 2 ที่เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ เด็กไทยจะแน่นกว่า
” ทำไม Section 1 และ Section 3 เด็กอินเตอร์จึงสามารถทำได้ดีกว่า เนื่องจากการแก้โจทย์ปัญหาที่เป็นภาษาอังกฤษที่เรียกว่า problem solving และ Understanding Argument เด็กอินเตอร์จะฝึกมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งใน section 3 กรรมการมักต้องการให้ผู้สอบ เขียนออกมาในรูปการให้ความคิดเห็นกับสิ่งที่ขัดแย้งกัน หรือที่ว่า Argumentation paragraph ที่เด็กภาคอินเตอร์ฝึกเขียนและคิดมาตั้งแต่เด็กๆ ในขณะที่เด็กภาคไทยมักเรียนแบบท่องจำไม่ค่อยได้ฝึกคิด จึงทำให้ข้อสอบ 2 ส่วนนี้มีโอกาสที่เด็กอินเตอร์จะสามารถเก็บคะแนนได้ดีกว่า ”
เกณฑ์การให้คะแนน BMAT
Section 1 & Section 2 = 1 (lowest) – 9 (highest) ส่วนมาก require ที่ 6+
Section 3 = มีผู้ตรวจ 2 คน ให้คะแนน 2 ส่วนของเนื้อหาให้ 1-5 และส่วนที่ 2 ส่วนของความถุกต้องของภาษา ให้ A C และ E เช่น
ถ้าคนแรกให้ 4A คนที่สอง ให้ 4C คะแนนรวมจะได้ 4B (A+C/2=B) หรือ
ถ้าคนแรกให้ 3C คนที่สองให้ 2C คะแนนรวมจะได้ 2.5C
ดังนั้นการสอบ BMAT จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสามารถทำให้เรา step closer to our dream ได้แนบแน่นมากขึ้น นักเรียนสามารถปรึกษาและวางแผนการสอบ BMAT ได้ที่ Line: @Englican (มี @ ด้วยนะคะ) ได้ตลอดเวลาคะ