
MCAT


หลักสูตรคอร์สเรียน MCAT
รู้จักการสอบ MCAT ข้อสอบสำหรับเรียนต่อแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและแพทย์อินเตอร์ในไทย!
The Medical College Admission Test (MCAT) เป็นแบบทดสอบมาตรฐานสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในโรงเรียนแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งดำเนินการจัดสอบและบริหารโดยสมาคมวิทยาลัยแพทย์อเมริกัน (AAMC)
การสอบ MCAT จะเป็นการทดสอบมาตรฐานผ่านระบบคอมพิวเตอร์แบบปรนัย และตารางการสอบจะมีตั้งแต่เดือนมกราคม และมีนาคมจนถึงเดือนกันยายนของทุกปี โดยสามารถเข้าไปลงทะเบียนการสอบ MCAT ได้ที่ระบบการลงทะเบียนและสามารถเลือกสนามสอบในประเทศที่เราสะดวกไปสอบได้บนเว็บไซต์ https://auth.aamc.org/account/#/login?goto=https:%2F%2Fmcat.aamc.org%2Fmrs%2F
ส่วนใหญ่ผู้ที่จะต้องใช้คะแนนสอบ MCAT ควรวางแผนและลงทะเบียนก่อนล่วงหน้า 1 ปี รวมถึงลงทะเบียนก่อนสอบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน และที่สำคัญคือต้องเช็กปฏิทินการรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยให้ละเอียด เพื่อวางแผนอ่านหนังสือ ติว และเตรียมตัวสอบได้ทัน!
เนื้อหาและลักษณะของข้อสอบ MCAT
การสอบ MCAT จะมีลักษณะคล้ายกับข้อสอบ BMAT เพียงแต่จะไม่มีข้อสอบทางด้านคณิตศาสตร์ โดยการสอบจะใช้เวลาในการสอบทั้งหมด 7.30 ชั่วโมง และจะประกาศผลสอบหลังจากสอบเสร็จสิ้นแล้วประมาณ 30-35 วัน
ซึ่งเนื้อหาการสอบ MCAT จะประกอบไปด้วยทั้งหมด 4 ส่วน ดังนี้
1. Biological and Biochemical Foundations of Living Systems
(พื้นฐานชีววิทยาและชีวเคมีของระบบสิ่งมีชีวิต)
ข้อสอบส่วนแรก เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับชีวเคมีพื้นฐาน ชีววิทยาเคมีอนินทรีย์ และชีวเคมี โดยประกอบไปด้วยคำถามแบบปรนัยทั้งหมด 59 ข้อ และมีเวลาให้ทั้งหมด 95 นาที
ลักษณะข้อสอบจะมี passage ให้อ่านทั้งหมด 10 เรื่อง ซึ่งคำถามภายในข้อสอบจะมีทั้งที่เกี่ยวกับตัวบทความและไม่เกี่ยวกับบทความ
2. Chemical and Physical Foundations of Biological Systems
(พื้นฐานเคมีและฟิสิกส์ของระบบสิ่งมีชีวิต)
ข้อสอบในส่วนที่สอง เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับชีวเคมีขั้นพื้นฐาน ชีววิทยาเคมีทั่วไป เคมีอินทรีย์และฟิสิกส์ เน้นการใช้ความรู้ด้านเคมีและฟิสิกส์ในระดับมหาวิทยาลัยชั้นปี 1-2 โดยประกอบไปด้วยคำถามแบบปรนัยทั้งหมด 59 ข้อ และมีเวลาให้ทั้งหมด 95 นาที
ลักษณะข้อสอบจะมี passage ให้อ่านทั้งหมด 10 เรื่อง ซึ่งคำถามภายในข้อสอบจะมีทั้งที่เกี่ยวกับตัวบทความและไม่เกี่ยวกับบทความ
3. Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior
(พื้นฐานทางจิตวิทยา สังคมวิทยา และชีววิทยาของพฤติกรรม)
ข้อสอบส่วนที่สาม เป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับจิตวิทยา สังคมวิทยา และชีววิทยา โดยประกอบไปด้วยคำถามแบบปรนัยทั้งหมด 59 ข้อ และมีเวลาในการทำข้อสอบ 95 นาที
ลักษณะข้อสอบจะมี passage ให้อ่านทั้งหมด 10 เรื่อง ซึ่งคำถามภายในข้อสอบจะมีทั้งที่เกี่ยวกับตัวบทความและไม่เกี่ยวกับบทความ
4. Critical Analysis and Reasoning Skills
(ทักษะการวิเคราะห์และการให้เหตุผล)
ข้อสอบส่วนสุดท้าย เป็นการทดสอบทักษะการอ่านเพื่อทำความเข้าใจ โดยจะเป็นข้อสอบปรนัยทั้งหมด 53 ข้อ และมีเวลาในการทำข้อสอบ 90 นาที
ลักษณะข้อสอบ จะเน้นข้อความจากมนุษยศาสตร์ที่หลากหลายและจากสังคมศาสตร์ เพื่อวัดทักษะการอ่านและคิดวิเคราะห์
คุณสมบัติผู้สมัคร
ต้องเป็นผู้ที่กำลังจะสมัครเข้าเรียนต่อในโรงเรียนแพทย์หรือโรงเรียนสายสุขภาพ เพื่อเรียนต่อในหลักสูตรดังนี้
- Allopathic Medicine (M.D.)
- Osteopathic Medicine (D.O.)
- Podiatric Medicine (D.P.M)
- Veterinary Medicine (D.V.M)
- หรือหลักสูตรอื่นๆ ที่ทางโรงเรียนรับคะแนน MCAT
หากไม่ได้ต้องการสมัครเรียนต่อให้หลักสูตรเหล่านี้ หรือเป็นนักเรียนแพทย์อยู่แล้วและต้องการสอบใหม่เพื่อย้ายโรงเรียน จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตพิเศษเพื่อเข้าสอบ
ค่าสมัครสอบ
สำหรับค่าสมัครสอบของผู้สมัครสอบในไทย จะอยู่ที่ ประมาณ 12,000 บาท
ควรเลือกเรียนอันไหนดี ?
ปฏิทินการสอบ MCAT ในประเทศไทย (อัปเดตล่าสุดปี 2566)
วันที่ 13, 14, 19, 27 มกราคม 2566 |
วันที่ 11, 24 มีนาคม 2566 |
วันที่ 28, 29 เมษายน 2566 |
วันที่ 12, 13, 26 พฤษภาคม 2566 |
วันที่ 3, 16, 17, 23, 24, 29 มิถุนายน 2566 |
วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 |
วันที่ 4, 19, 25, 26, 31 สิงหาคม 2566 |
วันที่ 1, 8, 9 กันยายน 2566 |
เรียกได้ว่าเป็นการสอบที่ต้องใช้ระยะเวลาและต้องวางแผนอย่างหนักในการเตรียมตัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากการสอบ MCAT จะมีความสำคัญกับผู้ที่ต้องการเรียนต่อแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาแล้ว ก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทย์หลักสูตรนานาชาติในไทย เช่น คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย ซึ่งถ้าน้อง ๆ ที่สนใจเข้าศึกษาต่อสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้ดี เนื้อหาแน่น ทำโจทย์ได้เป๊ะปัง ก็สามารถพิชิตการสอบ MCAT ได้ไม่ยากแน่นอน!
เหตุผลที่ควรสมัครคอร์สเรียน MCAT
ที่ Englican International-Thailand
- อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีความรู้ความสามารถ ซึ่งล้วนแล้วแต่จบป.โท และเอก ในต่างประเทศ แตกต่างจากบางสถาบันที่ใช้อาจารย์ป.ตรี หรืออ.ฝึกสอน
- เนื้อหาในการสอนมีมาตรฐาน เพราะตัวอาจารย์ผู้สอนมีการอัพเดทเนื้อหาให้ตรงต่อการสอบทุกปี และตรงจาก officials
- บรรยากาศการเรียนการสอนเป็นส่วนตัว ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก เนื่องจากเป็นคอร์ส Private
- ผลการสอบของตัวนักเรียนเป็นไปตามเป้าหมายหากมีการทำตามที่อาจารย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ