ศึกแห่งศตวรรษ: ทรัมป์และคลินตัน Electoral Vote vs Popular Vote สองมุมมองที่แตกต่างในเส้นทางการเมือง | คอร์ส GED by Englican

ศึกแห่งศตวรรษ: ทรัมป์และคลินตัน Electoral Vote vs Popular Vote สองมุมมองที่แตกต่างในเส้นทางการเมือง | คอร์ส GED by Englican

ศึกแห่งศตวรรษ: ทรัมป์และคลินตัน Electoral Vote vs Popular Vote สองมุมมองที่แตกต่างในเส้นทางการเมือง

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่น่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน และฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต เป็นคู่แข่งสำคัญที่สะท้อนถึงความแตกต่างในมุมมองทางการเมืองและวัฒนธรรมของชาวอเมริกัน การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแค่ชี้ชะตาความเป็นผู้นำประเทศ แต่ยังมีการพูดถึงความแตกต่างระหว่างผลการเลือกตั้งที่สำคัญสองรูปแบบ: Electoral Vote และ Popular Vote

1. ความหมายของ Electoral Vote และ Popular Vote

Electoral Vote คือการลงคะแนนเสียงที่ถูกจัดทำขึ้นโดยคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ซึ่งเป็นระบบการเลือกตั้งที่สหรัฐฯ ใช้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี จำนวนคะแนนเสียงของแต่ละรัฐถูกกำหนดตามจำนวนสมาชิกในสภาคองเกรสของรัฐนั้น ๆ โดยผู้สมัครจะต้องได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่จากคณะผู้เลือกตั้งเพื่อให้ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี

Popular Vote คือคะแนนเสียงที่ประชาชนทุกคนในประเทศลงคะแนนโดยตรง การนับคะแนนเสียงเหล่านี้จะรวมกันในระดับประเทศ แต่จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจสุดท้ายในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากผลที่สำคัญคือคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง

2. ผลการเลือกตั้งปี 2016
ในการเลือกตั้งปี 2016 โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะคะแนนเสียง Electoral Vote โดยได้รับ 304 คะแนน ขณะที่ฮิลลารี คลินตัน ได้รับ 227 คะแนน แต่ในแง่ของคะแนนเสียง Popular Vote คลินตันกลับได้รับคะแนนเสียงมากถึง 65.8 ล้านเสียง (48.2%) ขณะที่ทรัมป์ได้รับ 62.9 ล้านเสียง (46.1%)

ผลการเลือกตั้งที่น่าทึ่งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความยุติธรรมและประสิทธิภาพของระบบ Electoral College ที่ทำให้ผู้สมัครสามารถชนะตำแหน่งประธานาธิบดีโดยไม่จำเป็นต้องมีคะแนนเสียงมากที่สุดจากประชาชนทั่วไป

3. มุมมองที่แตกต่าง

การแข่งขันระหว่างทรัมป์และคลินตันไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างสองบุคคล แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความแตกต่างในค่านิยมและความคิดเห็นของชาวอเมริกัน:

ผู้สนับสนุนทรัมป์ มักเชื่อว่าระบบ Electoral College เป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของรัฐเล็ก ๆ และสร้างความสมดุลในระบบการเมือง นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่าผลลัพธ์ของการเลือกตั้งควรสะท้อนถึงการสนับสนุนจากรัฐต่าง ๆ ไม่ใช่แค่จากประชาชนในเขตเมืองใหญ่

ผู้สนับสนุนคลินตัน มองว่าการชนะใน Popular Vote ควรจะมีความสำคัญมากกว่าการชนะใน Electoral Vote พวกเขาเชื่อว่าระบบปัจจุบันทำให้เสียงของประชาชนบางส่วนถูกลดความสำคัญลง และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเลือกตั้งเพื่อให้เสียงของทุกคนได้รับการนับอย่างเท่าเทียม

4. บทสรุป

การเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ทำให้ชาวอเมริกันต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าเสียงของพวกเขาไม่ได้มีความสำคัญเท่าที่ควรในระบบที่มีอยู่ ผลการแข่งขันนี้ไม่ได้เป็นเพียงการชนะหรือแพ้ แต่ยังเปิดประเด็นการถกเถียงเกี่ยวกับความยุติธรรมและความเท่าเทียมในระบบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ สุดท้ายแล้ว การเลือกตั้งนี้จึงเป็นบทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับการเมืองและประชาธิปไตยในอเมริกา