“Henry Ford” The Birth of Fordism จากรถยนต์…สู่ระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่ | คอร์ส GED by Englican

 

Henry Ford คอร์ส GED by Englican
Henry Ford คอร์ส GED by Englican

Henry Ford: Beyond the Car Maker

หลายคนอาจสงสัยว่า Fordism คืออะไร เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) และสายพานการผลิต (Assembly Line) เกี่ยวข้องกันอย่างไร? เรื่องนี้เริ่มจากช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อฟอร์ดไม่ได้คิดเพียงการสร้างรถยนต์ราคาถูก แต่คิดถึงการเปลี่ยน “ระบบการผลิต” ให้เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มนุษย์และเครื่องจักรเดินไปพร้อมกัน ฟอร์ดมองว่าปัญหาของการผลิตในยุคก่อนคือใช้เวลานาน ต้นทุนสูง และสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการ เขาจึงออกแบบระบบใหม่ที่ทุกคนทำหน้าที่เฉพาะขั้นตอนเดียว เช่น ติดล้อ ประกอบพวงมาลัย หรือติดตั้งประตู แล้วส่งต่อไปยังคนถัดไปที่ทำงานในสายพาน ด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดเล็ก ๆ นี้ กลับสร้างผลลัพธ์ใหญ่ คือ Mass Production ที่ทำให้ Model T กลายเป็นรถยนต์ราคาถูกที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ ฟอร์ดไม่เพียงแต่สร้างรถ แต่ยังสร้าง “ระบบชีวิต” ที่ทำให้มนุษย์ต้องเดินไปตามจังหวะของสายพาน และนี่เองคือคำตอบของคำถามที่ว่า Fordism คืออะไร มันไม่ใช่เพียงระบบการผลิต แต่คือรากฐานที่กำหนดรูปแบบสังคมสมัยใหม่ทั้งใบ

 

Henry Ford คอร์ส GED by Englican
Henry Ford คอร์ส GED by Englican

Fordism คืออะไร และกำเนิดจากเฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford)

เมื่อพูดถึง Fordism เรากำลังพูดถึงระบบการผลิตที่เฮนรี ฟอร์ดสร้างขึ้นในโรงงานของเขาในช่วงปี 1910 ระบบนี้อาศัย สายพานการผลิต (Assembly Line) ที่ทำให้คนงานไม่ต้องทำทุกขั้นตอน แต่ทำงานซ้ำเพียงอย่างเดียวอย่างต่อเนื่อง การแบ่งงานแบบนี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการผลิต ลดความผิดพลาด และลดต้นทุนอย่างมหาศาล ตัวอย่างที่โด่งดังคือรถยนต์ Model T ที่จากเดิมใช้เวลาผลิตเกือบ 12 ชั่วโมงต่อคัน ลดเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง สิ่งนี้ทำให้ฟอร์ดสามารถขายรถได้ในราคาที่คนชั้นกลางซื้อได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของคำว่า Mass Production ที่เปลี่ยนตลาดโลก เฮนรี ฟอร์ดไม่ได้คิดเพียงการสร้างกำไร แต่เขายังเพิ่มค่าจ้างแรงงานวันละ 5 ดอลลาร์ เพื่อให้คนงานสามารถซื้อรถของตนเองได้ด้วย ซึ่งสะท้อนความคิดแบบ “ผลิต-บริโภค” ที่หมุนเวียนกัน Fordism จึงไม่ใช่เพียงระบบของโรงงาน แต่คือระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ผลักดันให้โลกเดินเร็วขึ้น

สายพานการผลิต (Assembly Line) จุดเปลี่ยนโลกอุตสาหกรรม

สิ่งที่ทำให้ Fordism ทรงพลังคือระบบ สายพานการผลิต (Assembly Line) ที่เปลี่ยนแรงงานมนุษย์ให้ทำงานใน “จังหวะเดียว” กับเครื่องจักร คนงานถูกจัดสรรเวลาทำงานเป็นกะ กะละ 8 ชั่วโมง ทำให้โรงงานเดินได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีการหยุดพัก เมื่อทุกคนทำหน้าที่ซ้ำ ๆ อย่างแม่นยำ ระบบนี้จึงกลายเป็นเครื่องจักรที่ไม่มีวันหยุด Fordism ไม่ได้เพียงแค่ผลิตรถยนต์ให้มากขึ้น แต่ยังเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องเวลาและการทำงานของมนุษย์ ผลิตภัณฑ์ที่เคยเป็นของหรู เช่น รถยนต์ เสื้อผ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่อย ๆ กลายเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ในราคาถูก นี่คือจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมการบริโภคแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก และทำให้ทุนนิยมขยายตัวรวดเร็ว Fordism จึงเป็นมากกว่าการผลิต แต่มันคือ “วิถีชีวิต” ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบ

 

Henry Ford คอร์ส GED by Englican
Henry Ford คอร์ส GED by Englican

ผลของ Fordism ต่อการศึกษาและสังคม

สิ่งที่น่าสนใจคือระบบนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่โรงงาน เพราะเมื่อผู้คนเห็นประสิทธิภาพของ Fordism จึงเริ่มนำหลักการของมันไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น โดยเฉพาะในระบบการศึกษา โรงเรียนเริ่มจัดการเรียนเป็นคาบ ๆ คล้ายสายพานการผลิต เด็กถูกจัดตามอายุ วัดผลด้วยการสอบมาตรฐานที่เหมือนกันทั้งประเทศ เพื่อสร้าง “มาตรฐานเดียว” ให้ทุกคนเดินไปในเส้นทางเดียวกัน หลักการนี้ยังแทรกซึมไปสู่ระบบราชการ การแพทย์ และการจัดการแรงงานในทุกสาขา Fordism ทำให้โลกสมัยใหม่มีความเป็นระบบมากขึ้น แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องจักร ความคิดสร้างสรรค์ถูกลดทอนลงเพื่อให้ทุกอย่างตรงตามมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์คือการสร้างโครงสร้างสังคมที่มั่นคง มีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับการเติบโตของโลกอุตสาหกรรมได้

Fordism ยังคงอยู่กับเราอย่างไรในปัจจุบัน

แม้เวลาจะผ่านมากว่าร้อยปี คำถามที่ว่า Fordism คืออะไร เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) และสายพานการผลิต (Assembly Line) ก็ยังสะท้อนคำตอบในชีวิตประจำวันของเรา ทุกวันนี้เรายังทำงานตามเวลามาตรฐาน 8 ชั่วโมงต่อวัน เรียนหนังสือเป็นคาบ ๆ วัดผลด้วยข้อสอบมาตรฐาน และบริโภคสินค้าที่ถูกผลิตขึ้นในจำนวนมหาศาล เพียงแต่สายพานในปัจจุบันไม่ใช่เครื่องจักรในโรงงาน แต่เป็นอัลกอริทึมและระบบอัตโนมัติที่ควบคุมจังหวะชีวิต เช่น แอปพลิเคชัน การตลาดดิจิทัล หรือการผลิตเนื้อหาออนไลน์ที่ทำซ้ำได้อย่างรวดเร็ว โลกดิจิทัลคือการสืบทอด Fordism ในอีกรูปแบบหนึ่งที่เรายังไม่รู้ตัว คำพูดของฟอร์ดที่ว่า “You can have any color… as long as it’s black.” จึงยังคงเป็นสัญลักษณ์ของโลกที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานมากกว่าความหลากหลาย และนี่คือมรดกของ Fordism ที่ยังคงอยู่กับเรามาจนถึงปัจจุบัน

 

 

✨ทดลองทำ E-Placement คลิก https://englican.in.th/online-test-ged/

✨ดูรายละเอียดคอร์ส คลิก! https://englican.in.th/featured_item/ged-course/

✨ทดลองเรียน ฟรี https://www.medmasterth.co/courses/67ee5fa89e80d3f5b18edf6d

เชื่อมั่นในหลักสูตรระดับโลกและทีมอาจารย์ชั้นนำของ Englican International Thailand
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Facebook: Englican International – Thailand 

IG: @englican

Line: https://lhco.li/3JrFSlK

error: Content is protected !!